แนะนำจังหวัดกระบี่
ประมาณปีพ.ศ. ๒๔๕๑ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชการที่ ๕ ได้ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ ให้ยกฐานะขึ้นจาก “แขวงเมืองปกาสัย” เป็น “เมืองปกาสัย” ได้ทรงพระราชทานนามใหม่ว่า “เมืองกระบี่” และโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งที่ทำการอยู่ที่ตำบลกระบี่ใหญ่ (บ้านตลาดเก่า) ในท้องที่อำเภอเมืองกระบี่ปัจจุบัน มีหลวงเทพเป็นเจ้าเมืองกระบี่คนแรก
ต่อมาในปี พ.ศ.๒๔๑๘ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้แยกเมืองกระบี่ออกจากการปกครองของนครศรีธรรมราช เป็นจัตวาขึ้นตรงต่อกรุงเทพฯ
ในปี พ.ศ.๒๔๔๓ พระยารัษฎานุประดิษฐ์ (คอชิมบี้ ณ ระนอง) เป็นสมุหเทศาภิบาลมณฑลภูเก็ต ได้พิจารณาเห็นว่าศาลากลางจังหวัดกระบี่ที่บ้านตลาดเก่านั้น ไม่สะดวกต่อการคมนาคม เพราะในสมัยนั้นต้องอาศัยเรือเป็นพาหนะ จึงได้ย้ายไปอยู่ที่ตำบลปากน้ำ ซึ่งอยู่ใกล้กับปากอ่าวเป็น ร่องน้ำลึก เรือใหญ่สามารถเข้าเทียบท่าได้อย่างสะดวกซึ่งเป็นที่ตั้งของ ศาลากลางจังหวัดกระบี่จนถึงปัจจุบันนี้
คำว่า “กระบี่” มีตำนานเล่าสืบกันว่าชาวบ้านได้ขุดพบมีดดาบโบราณใหญ่เล่มหนึ่งนำมามอบให้กับเจ้าเมืองกระบี่ และต่อมาไม่นานก็ขุดพบมีดดาบโบราณเล็กอีกเล่มหนึ่งรูปร่างคล้ายกับมีดดาบโบราณเล่มใหญ่ จึงนำมามอบให้กับเจ้าเมืองกระบี่กัน เจ้าเมืองกระบี่เห็นว่าเป็นดาบโบราณสมควรเก็บไว้เป็นดาบคู่บ้านคู่เมือง เพื่อเป็นสิริมงคล แต่ขณะนั้นยังสร้างเมืองไม่เสร็จจึงนำดาบไปเก็บไว้ในถ้ำเขาขนาบน้ำหน้าเมือง โดยวางไขว้กันเป็นลักษณะการวางดาบ ในปัจจุบันเป็นสัญลักษณ์ และตราประจำจังหวัดกระบี่ คือ รูปดาบไขว้ทาบอยู่บนภูเขา
(บ้านที่ขุดพบดาบใหญ่ให้ตั้งชื่อว่า บ้านกระบี่ใหญ่)
(บ้านที่ขุดพบดาบเล็กให้ตั้งชื่อว่า บ้านกระบี่น้อย)
มีอีกตำนานหนึ่ง สันนิฐานว่า คำว่า“กระบี่” อาจเรียก ตามพันธุ์ไม้ชนิดหนึ่งที่มีมากในท้องถิ่นคือ ต้น หลุมพี มีชาวมลายูและชาวจีนที่เข้ามาค้าขายได้เรียกเพี้ยนเป็น กะ-ลู-บี หรือ คอโลบี ต่อมาได้ปรับเป็น สำเนียงไทยว่า ...กระบี่... (ที่มา: http://www.krabi.go.th)
วิสัยทัศน์การพัฒนาจังหวัดกระบี่ในปี พ.ศ. ๒๕๕๒ ได้แก่
“ศูนย์กลางการท่องเที่ยวฝั่งทะเลอันดามันเชิงอนุรักษ์ ศิลปวัฒนธรรมและสุขภาพ แหล่งเกษตรอุตสาหกรรมที่ยั่งยืน บนพื้นฐานของการพัฒนาคุณภาพชีวิตและการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี”เจ้าหน้าประจำศูนย์ข้อมูลแรงงานจังหวัดกระบี่
โดย สำนักงานแรงงานจังหวัดกระบี่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น